แทงบอล

อัล-นาสเซอร์ รัว3ลูกช่วงทดเจ็บแซงชนะทีมบ๊วย

เกมลีกสูงสุดของ ซาอุดิอาระเบีย นัดที่ อัล-นาสเซอร์ เจอกับ อัล-บาทิน

จบลงแบบดราม่าหลังจาก อัล-บาทิน ขึ้นนำไปก่อน แต่ อัล-นาสเซอร์ มาได้ 3 ลูกในการเล่นช่วงทดเวลาที่กินเวลาไป 15 นาทีด้วยกัน ส่งผลให้พวกเขานำเป็นจ่าฝูงของลีกอัล-นาสเซอร์ สโมสรในศึก ซาอุดิ ซูเปอร์ลีก แซงกลับมาเปิดรังชนะ อัล-บาทิน ไปได้ 3-1 เมื่อวันศุกร์ที่ 3 มีนาคม ที่ผ่านมา ด้วยการมารัว 3 นาทีในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ หลังจากที่ทางผู้ตัดสินให้มีการทดเวลาเป็นจำนวน 15 นาทีด้วยกัน

ก่อนลงเล่นเกมนี้หลายคนคาดว่า อัล-นาสเซอร์ จะเก็บ 3 แต้มได้แบบไม่ยากเย็น เพราะนอกจากต้นสังกัดของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ จะได้เล่นในบ้านแล้วนั้น สถานการณ์ของทั้ง 2 ทีมยังต่างกันอย่างมากด้วย โดย อัล-นาสเซอร์ อยู่ในกลุ่มลุ้นแชมป์ ส่วนอีกฝ่ายเป็นอันดับสุดท้ายของตารางคะแนนอย่างไรก็ตาม เกมนี้ทีมเยือนนำก่อนจาก เรนโซ่ เปเรซ ในนาทีที่ 17 ขณะที่ โรนัลโด้ ซึ่งได้ลงเล่นเป็นตัวจริง และบรรดาเพื่อนร่วมทีมของเขาไม่สามารถถเจาะตาข่ายของทีมเยือนได้เลยจนทำให้ตอนแรก อัล-นาสเซอร์ ทำท่าว่าจะไม่รอดถึงกระนั้น ตอนเข้าสู่ช่วงท้ายเกมนั้นผู้ตัดสินที่ 4 ก็ชูป้ายบอกว่าจะมีการทดเวลาเป็นจำนวน 12 นาที ก่อนที่สุดท้ายแล้วจะลากยาวจนเล่นกันเป็นเวลา 15 นาที ซึ่งในระหว่างนั้น อัล-นาสเซอร์ ก็มาได้ 3 ลูก แบ่งเป็น อับดุลราห์มาน ชารีบ ในนาทีที่ 3 ของการทดเวลา, โมฮัมเหม็ด เอล ฟาติล ในนาทีที่ 12 และ โมฮัมเหม็ด มราน ในนาทีที่ 14 ของการทดเวลาทั้งนี้ ไม่มีรายงานระบุว่าเกมนี้มีการถ่วงเวลากันบ่อยจนทำให้กรรมการทดเวลานานขนาดนั้นรึเปล่า โดยผลการแข่งขันในนัดนี้ทำให้ อัล-นาสเซอร์ นำเป็นจ่าฝูงของลีกด้วยผลงาน 46 แต้มจากการลงเล่น 19 นัด มากกว่า อัล-อิตติฮัด ที่เป็นอันดับ 2 อยู่ 2 คะแนน

แทงบอล

ในความสำเร็จกับถ้วยใบแรกรอบกว่า6ปีก็ย่อมชี้นิ้วไปได้ว่าเพราะการมาของกาซิเมโร่

ช่วยทำให้แดนกลางแน่นขึ้นทั้งรับและรุก, การที่แผงหลังได้คู่เซนเตอร์ฮาล์ฟที่ลงตัวอย่างราฟาเอล วารานกับลิซานโดร มาร์ติเนซรวมถึงฟอร์มอันร้อนแรงเกินห้ามใจจากมาร์คัส แรชฟอร์ดถูกต้องครับ ทั้งหมดล้วนเป็นเหตุผลที่ส่งเสริมกันอย่างไรก็ตามเครดิตใหญ่ทั้งหมดต้องเทให้เอริค เทน ฮากคนเดียว คนที่ตอนต้นซีซั่นเคยแบกความกดดันอย่างหนักหลังทีมออกสตาร์ทแพ้รวดสองเกมรวดโดยเสียไปถึง 6 ลูกให้ไบร์ทตันกับเบรนท์ฟอร์ด

ตอนนั้นปีศาจแดงก็ดูจมอยู่ในวังวนเดิมๆซึ่งเมื่อมองย้อนไปก็ถือว่านั่นแหละที่เป็นจุดเปลี่ยนของพวกเขา จากที่สะเปะสะปะก็เล่นแบบมีจุดหมาย, จากที่เคยแพ้ง่ายๆก็แพ้ยากขึ้น, จากที่เป็นทีมอ่อนด้อยเรื่องวินัยก็กลายว่าทีมสปิริตนี่แหละเป็นจุดแข็งและจากที่ดูไร้ความหวังก็กลายมีประกายของความหวังส่องออกมาว่าไปในนัดชิงคาราบาว คัพกับนิวคาสเซิ่ลก็เหมือนเป็นกระจกที่สะท้อนถึงทีมของเทน ฮากชัดเจนที่สุดเอาจากการจัดตัวก่อนโดยเขาเลือกอันโตนี่ตัวจริงในตำแหน่งกราบขวา เหตุผลก็ไม่ซับซ้อนเลยเนื่องจากเอาไว้เจาะใส่แดน เบิร์น แบ็กซ้ายของนิวคาสเซิ่ล ในช่วงต้นเกมก็เป็นทีมสาลิกาที่ก็ตั้งเป้าจะเอาโทรฟี่แรกในรอบ54ปีกลับไปตั้งตู้โชว์ให้ได้ดูเหนือกว่า แน่นอนด้วยเสียงเชียร์ที่ดังกับแพสชั่นของพวกทูน อาร์มี่ส์ที่ขนมาลอนดอนหลายหมื่นชีวิตแต่ในอีกทางก็แสดงถึงคาแรกเตอร์ของทีมที่จะประสบความสำเร็จที่ชื่อแมนฯยูไนเต็ดในโอกาสทั้งหมด15ครั้งก็มีเพียง 2 หนเท่านั้นที่เข้ากรอบสำหรับขุนพลจากนอร์ธอีสต์ นั่นมาจากว่าแนวรับทั้งหมดช่วยกันได้ยอดเยี่ยม ไหนจะกาซิเมโร่กับเฟร็ดด้วยที่ขยันมาช่วยปิดพื้นที่ในเขตโทษตัวเอง

ผู้เล่นที่อันตรายสุดของนิวคาสเซิ่ลอย่างอแล็ง เซนต์ แม็กซิแม็งถึงจะดูวูบวาบแต่ในจังหวะสุดท้ายที่จะเปลี่ยนจากโอกาสให้เป็นประตูก็ไม่เกิดขึ้นทางตรงกันข้ามเลยที่ลูกเซตพีซในนาที33ของเกมก็ทำให้เสียงโห่ร้องจากเหล่าเร้ด อาร์มี่ส์แผดลั่นขึ้น ลูกนี้ถือว่าเบสิคเหลือเกิน เปิดโดยลุค ชอวไปให้กาซิเมโร่เทกตัวขวิดเข้าไป ทว่าแน่นอนมันก็ไม่มีทางจะเป็นประตูลองปราศจากการซักซ้อมให้เข้าใจกัน

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมทุกวันตรงนี้ rbrlodge.com

Releated